วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

1 ใน 14 ของทุกดาวน์โหลดเป็น"มัลแวร์"

 อ่านข่าวนี้แล้ว ก่อนจะดาวน์โหลดอะไรจากเน็ตครั้งต่อไปคุณอาจจะต้องคิดทบทวนก่อนสักนิด เนื่องจากคุณมีโอกาสที่จะได้โปรแกรม ซึ่งมาพร้อมมาพร้อมกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ โดยล่าสุดไมโครซอฟท์อ้างว่า 1 ใน 14 โปรแกรมสำหรับ Windows ที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดจะเป็น "มัลแวร์" (ซอฟต์แวร์อันตรายในรูปแบบต่างๆ)
แม้บราวเซอร์สมัยใหม่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติของระบบรักษาความปลอดภัยเต็มพิกัด เพื่อช่วยป้องกันผู้ใช้จากการโดนโจมตีจากซอฟต์แวร์ทีไม่น่าไว้ใจ แต่จากสถิติพบว่า 5% ของผู้ใช้ที่ไม่สนใจการแจ้งเตือนใดๆ ของบราวเซอร์ แต่ยังคงคลิกดาวน์โหลดโทรจันเข้ามาไว้ในเครื่องเฉยเลย ยิ่งไปกว่านั้น แทนที่แฮคเกอร์จะพยายามเจาะบราวเซอร์ด้วยตัวเอง เหล่าแฮคเกอร์หันมาใช้วิธีที่เรียกว่า "Social Engineering" โดยเฉพาะการใช้ Facebook ในการสแปมลิงค์ หรือแอพฯอันตราย เมื่อผู้ใช้คลิกลิงค์ หรือติดตั้งแอพฯ ที่เข้าใจว่า เพื่อนเป็นคนส่งมาให้ ประกอบกับข้อความที่ชักชวนด้วยเรื่องน่าตื่นเต้น หรืออยู่ในกระแส เพียงแค่นี้ ผู้ใช้ก็ตกเป็นเหยื่อเรียบร้อยแล้ว ง่ายกว่าการที่แฮคเกอร์จะพยายามเจาะโค้ดหาช่องโหว่ของบราวเซอร์มากมาย ดังที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แม้แต่ลิงค์วิดีโอ ภาพถ่ายของพิธีเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยม หรือล่าสุดภาพข่าว หรือคลิปการปลิดชีวิตบินลาดิน ที่ความจริงแล้ว มันเป็นลิงค์หลอกให้โหลดโทรจันเข้าไปในเครื่องของผู้ใช้ โดยตัวเลขจากไซแมนเทคระบุว่า ประมาณ 56% เป็นโปรแกรมม้าโทรจัน




ธุรกิจองค์กรห้างร้านต่างๆ ยิ่งตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อจากการใช้เทคนิค Social Engineering มากที่สุด ซึ่งใช้ชื่อว่า Spear Phishing ที่ใช้การปลอมอีเมล์ของผู้บริหาร เพื่อขอรหัสผ่านเข้าสู่เน็ตเวิร์กขององค์กรจากแผนกไอที จากนั้นส่งอีเมล์พร้อมลิงค์ หรือไฟล์แนบโค้ดอันครายไปให้กับพนักงานทั้งหมด เพื่อเข้าโจมตีเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ยิ่งบราวเซอร์มีความสามารถในการป้องกันการโจมตีจากแฮคเกอร์ได้มากเท่าไร เหล่าบรรดาผู้ไม่หวังดีก็จะหันไปใช้เทคนิด Social Engineering มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราจะพบเห็นการโจมตีด้วยเทคนิคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าประหลาดใจมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดที่ Microsoft ได้เปิดเผยออกมาว่า ทุกๆ การดาวน์โหลด 1 ใน 14 ครั้งของผู้ใช้คือ "มัลแวร์" จากแฮคเกอร์!!! 
เว็บไซต์ในข่าว: Microsoft http://www.arip.co.th/news.php?id=413666

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น